วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อนุทินที่ 1

แบบฝึกหัด   อนุทินที่ 1

คำสั่ง  หลังจากนักศึกษาได้ศึกษาบทเรียนนี้แล้ว จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1.ท่านคิดว่าทำไมมนุษย์เราต้องมีกฎหมายหากไม่มีจะเป็นอย่างไร
ตอบ  มนุษย์ต้องมีกฎหมาย เพราะกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์  ระเบียบแบบแผนที่มนุษย์สร้างขึ้นใช้เป็นเกณฑ์เกณฑ์สร้างความสัมพันธ์  หรือที่เรียกว่า “บรรทัดฐานทางสังคม” เพื่อควบคุมพฤติกรรมและความขัดแย้งของมนุษย์ให้ศีลธรรม ประเพณี  ศาสนา เพื่อการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมที่ไม่เกิดปัญหามากมายและเป็นข้อกำหนดที่ทำให้มนุษย์เราต้องเกิดความแตกแยก และไม่เคารพกฎเกณฑ์ซึ่งกันและกัน มนุษย์เราจึงต้องมีกฎหมายคุ้มครอง

2.ท่านคิดว่าสังคมปัจจุบันจะอยู่ได้หรือไม่หากไม่มีกฎหมายและจะเป็นอย่างไร
ตอบ   สังคมจะอยู่ไม่ได้เลยหากไม่มีกฎหมายที่เป็นเครื่องกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกฎกติกาที่สังคมกำหนด ถ้าสังคมอยากอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขก็ต้องทำแบบแผนวางไว้เพื่อกำหนดแนวทางความมีระเบียบในสังคมก็คือ กฎหมาย

3.ท่านมีความรู้ความเข้าเกี่ยวกับกฎหมายในประเด็นต่อไปนี้
ตอบ       3.1 ความหมาย    กฎหมาย คือ คำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฎฐาธิปไตย์ จากคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดของรัฐเป็นข้อบังคับใช้กับคนทุกคนที่อยู่ในรัฐหรือประเทศนั้น ๆ จะต้องปฏิบัติตามและมีสภาพบังคับที่มีการกำหนดบทลงโทษ 
1.2      ลักษณะหรือองค์ประกอบของกฎหมาย
  ลักษณะหรือองค์ประกอบมี 3 ข้อ ดังนี้     
1. เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฎฐาธิปไตย์ที่องค์กรหรือคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุด ที่รัฐสภาฝ่ายนิติบัญญัติ  หัวหน้าคณะปฏิวัติ  กษัตริย์ในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สามารถใช้อำนาจบัญญัติกฎหมายได้  เช่น  รัฐสภา ตราพระราชบัญญัติ  คณะรัฐมนตรี เป็นต้น
 2.  มีลักษณะเป็นคำสั่งข้อบังคับ อันมิใช่คำวิงวอน ประกาศ หรือแถลงการณ์ เช่น ประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นต้น
                               3.  ใช้บังคับกับคนทุกคนในรัฐอย่างเสมอภาค  เพื่อให้ทุกคนเกรงกลัวและถือปฏิบัติสังคม
จะสงบสุขได้
3.4ประเภทของกฎหมาย
ซึ่งการแบ่งประเภทกฎหมายที่ใช้ในประเทศไทย ขึ้นอยู่ใช้หลักใดจะขอกล่าวโดยทั่ว ๆไป
การแบ่งประเภทกฎหมายที่จะนำไปใช้นั้นมีรูปแบบและลักษณะที่แตกต่างกัน หากเราจะพิจาณาแบ่งประเภทของกฎหมายออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ แบ่งได้หลายลักษณะขึ้นอยู่กับว่าเราใช้อะไรเป็นหลักในการแบ่ง  ได้แก่  แบ่งโดยแหล่งกำเนิด อาจแบ่งออกได้เป็นกฎหมายภายในและกฎหมายภายนอก กฎหมาย

4.ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ว่า ทำไมทุกประเทศจำเป็นต้องมีกฎหมาย จงอธิบาย
ตอบ  ทุกประเทศต้องมีกฎหมาย กฎหมายจำเป็นต้องมี  เพราะกฎหมายเป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของการปกครองในประเทศ การกำหนดการอยู่ร่วมกันในสังคม การกระทำที่ถูกต้อง ที่แต่ละประเทศร่วมกันกำหนดออกมาและต้องปฏิบัติตาม ในแต่ละประเทศจะมีกฎหมายที่ไม่เหมือนกัน

5.สภาพบังคับในทางกฎหมายท่านมีความเข้าใจอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ  สภาพกฎหมายก็เป็นการกำหนดบังคับของทางกฎหมายที่ให้มนุษย์ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และถูกต้อง เพื่อมนุษย์ได้เข้าใจกฎหมายและแนวทางตามบัญญัติที่วางไว้ในข้อของกฎหมาย
     
  
 6.สภาพบังคับกฎหมายในอาญาและทางแพ่ง  มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
              ตอบ    สภาพบังคับกฎหมายที่เกิดขึ้นเข้าลักษณะองค์ประกอบความผิดตามบทกฎหมาย กฎหมายที่
กำหนดองค์ประกอบความผิดที่เป็นตัวบทกฎหมายในประมวลกฎหมายอาญาและในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชเกือบทุกมาตราเป็นกฎหมายสารบัญญัติมีความแตกต่างกัน

7.ระบบกฎหมายเป็นอย่างไร จงอธิบาย
           ตอบ  ระบบของกฎหมายบางตำราใช้ว่า สกุลกฎหมาย ที่ใช้อยู่ในประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้พอที่จะ
แบ่งเป็น  2 ระบบดังนี้ 
1.             ระบบซีวิลลอร์ (Civil  Law System)  หรือระบบลายลักษณ์อักษร  ถือกำเนิดขึ้นในทวีปยุโรปราวคริสต์ศตวรรษที่ 12  เป็นระบบเอามาจาก “Jus Civile” ใช้แยกความหมาย “Jus  Gentium” ของโรมัน 
ซึ่งมีลักษณะพิเศษกล่าวคือ  เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความสำคัญกว่าอย่างอื่น คำพิพากษาของศาลไม่ใช่ที่มาของกฎหมาย แต่เป็นบรรทัดฐานแบบอย่างของการตีความกฎหมาย  เริ่มต้นจากตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ
  2.  ระบบคอมมอนลอว์ (Common Law System)  เกิดและวิวัฒนาการขึ้นในประเทศอังกฤษมีรากเหง้ามาจากศักดินา  ซึ่งจะต้องกล่าวถึงค าว่า เอคควิตี้  (equity)  เป็นกระบวนการเข้าไปเสริมแต่งให้คอมมอนลอว์  เป็นการพัฒนามาจากกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร น าเอาจารีตประเพณีและคำพิพากษา
    
8.  ประเภทของกฎหมายมีหลักการแบ่งอย่างไรบ้าง  มีกี่ประเภท แต่ละประเภทประกอบด้วยอะไรบ้าง ยกตัวอย่างอธิบาย
  ตอบ  ซึ่งการแบ่งประเภทกฎหมายที่ใช้ในประเทศไทย ขึ้นอยู่ใช้หลักใดจะขอกล่าวโดยทั่ว ๆไป
ดังนี้  
 กฎหมายภายใน  มีดังนี้
               1.  กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
                   1.1  กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร 
     1.2    กฎหมายที่เป็นไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นกฎหมายที่มิได้มีการบัญญัติโดยผ่าน
กระบวนการนิติบัญญัติ  เช่น จารีตประเพณี  หลักกฎหมายทั่วไป  
           2.  กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา และกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
                  2.1  กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18  วรรคแรก  บัญญัติโทษทางอาญา เช่น การประหารชีวิต  จำคุก  กักขัง  ปรับ  หรือริบทรัพย์สิน สภาพบังคับทางอาญาจึงเป็นโทษอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง  ใช้ลงโทษกับผู้กระทำผิดทางอาญา
               2.2  กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง ได้บัญญัติถึงสภาพบังคับลักษณะต่าง ๆ กันไว้
สำหรับลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่กระทำตามที่กฎหมายบัญญัติไว้  เช่น การกำหนดให้เป็นโมฆะกรรมหรือโมฆียกรรม  การบังคับให้ชำระหนี้ การให้ชดใช้ค่าเสียหาย หรือการที่กฎหมายบังคับให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อความเป็นธรรม 
     ข. กฎหมายภายนอก  
     1.  กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง  เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐในการที่จะต้องปฏิบัติต่อกันและกัน ในฐานะที่รัฐเป็นนิติบุคคลในกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งมีเกณฑ์กำหนด

9. ท่านเข้าใจถึงคำว่าศักดิ์ของกฎหมายคืออะไร  มีการแบ่งอย่างไร 
  ตอบ    ศักดิ์ของกฎหมายสรุปได้ว่า เป็นการจัดลำดับแห่งค่าบังคับของกฎหมาย ในการจัดลำดับมีการจัดอย่างไร  ซึ่งจะต้องอาศัยหลักว่า  กฎหมายหรือบทบัญญัติใดของกฎหมายที่อยู่ในลำดับที่ต่ำกว่า  จะขัดหรือแย้งกับกฎหมายในลำดับที่สูงกว่าไม่ได้และเราจะพิจารณาอย่างไร  โดยพิจารณาจากองค์กรที่มีอำนาจในการออกกฎหมาย  โดยใช้เหตุผลที่ว่า 
 (1)  การออกกฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ควรจะเป็นกฎหมายเฉพาะที่สำคัญ  เป็นการกำหนด
หลักการและนโยบายเท่านั้น  เช่น พระราชบัญญัติที่ออกโดยรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชน    
(2)    การให้รัฐสภา เป็นการทุ่นเวลา และทันต่อความต้องการและความจำเป็นของสังคม 
(3)  ฝ่ายบริหารหรือองค์กรอื่นจะออกกฎหมายลูกจะต้องอยู่ในกรอบของหลักการและนโยบายในกฎหมายหลักฉบับนั้น  
   
10.  เหตุการณ์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555    มีเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชน ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าและประชาชนได้ประกาศว่าจะมีการประชุมอย่างสงบ  แต่ปรากฏว่า รัฐบาลประกาศ เป็นเขตพื้นที่ห้ามชุมนุม และขัดขวางไม่ให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบ  ลงมือทำร้ายร่างกายประชาชน ในฐานะท่านเรียนวิชานี้ท่านจะอธิบายบอกเหตุผลว่า  รัฐบาลกระทำผิดหรือถูก
   ตอบ  รัฐบาลกระทำผิดอย่างมาก รัฐบาลถือว่าเป็นใหญ่แล้วสามารถใช้ข้อกฎหมายบังคับแก่ประชาชนแถมยังทำร้ายประชาชนให้เกิดความเสียหายแก่มวลประชาชน ในการที่มีการชุมนุมก็เกิดจากสาเหตุที่มีบุคคลที่เป็นใหญ่เหนือประชาชนกระทำความผิด และผิดโดยมีคนไม่ยอมและไม่ยอมรับก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนต้องนำความยุติทำกลับคืนมา  รัฐบาลที่ดีต้องปฏิบัติตามกฎหมายบัญญัติไว้ข้างต้น ไม่ใช่ว่าแปลงร่างรัฐธรรมนูญเอง ทำอะไรโดยไม่ชอบธรรม โกงกินบ้านเมือง คนแบบนี้ไม่สมควรเป็นผู้นำ
 
11. ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ คำว่า กฎหมายการศึกษาอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ   กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาในปัจจุบัน ได้แก่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่กำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาอบรมและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม จัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม สร้างเสริมความรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

12. ในฐานะที่นักศึกษาจะต้องเรียนวิชานี้ ถ้าเราไม่ศึกษากฎหมายการศึกษาท่านคิดว่า เมื่อท่านไปประกอบอาชีพครู  จะมีผลกระทบต่อท่านอย่างไรบ้าง
ตอบ   ถ้าเราไม่รู้กฎหมายเลยเราก็อาจจะกระทำความผิดโดยไม่รู้ถึงกฎของกฎหมายที่เขาบัญญัติไว้แล้ว จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้  และเราต้องเป็นครูในวันข้างหน้าเราจะต้องเรียนรู้กฎหมายบ้านเมืองเพื่อทันต่อเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นผลให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นได้  และเราเป็นครูต้องไปสอนเด็กและไม่ใช่ว่าจะสอนเรื่องของตนแต่เราต้องสอนเด็กทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายบ้านเมืองที่ต้องศึกษา ถ้าใครเข้าใจผิดหรือไม่รู้กฎหมายบ้านเมืองเลยก็จะเกิดปัญหาขึ้นได้ อยู่ร่วมกันอย่างไม่สงบสุข          



อนุทินที่ 2

แบบฝึกหัดทบทวนบทที่  2

เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาบทเรียนนี้แล้ว จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1.   ใครเป็นผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก และมีเหตุผลอย่างไร  และประเด็นที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เป็นอย่างไร  อธิบาย
                ตอบ   นายปรีดี  พนมยงค์  เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะนั้น  ได้ปรารภกับนายควง  อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้  พระมหากษัตริย์ได้พระราชทานแก่ชนชาวไทยมาแล้วเป็นปีที่ 14  ทั้งประชาชนได้ซาบซึ้งถึงคุณประโยชน์ของการปกครองระบอบนี้ เป็นอย่างดีแล้ว  แต่เหตุการณ์บ้านเมืองก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอันมาก  ถึงเวลาแล้วควรจะเลิก  บทเฉพาะกาลและปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยขึ้น”  และสภาผู้แทนราษฎร์ได้แต่งตั้งตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาค้นคว้าตรวจสอบรัฐธรรมนูญตามคำเสนอข้างต้นขึ้น 

2.   แนวนโยบายแห่งรัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2492  ได้กำหนดอย่างไร  อธิบาย 
                ตอบ    รัฐธรรมนูญฯ 2492 กำหนดไว้ว่า
1)    เป็นรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนชื่อมาใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช  2492  
2)  ในรัชสมัย รัชกาลที่ 9  โดยมีคณะอภิรัฐมนตรี ในหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ คือ รังสิตกรม กรมขุนชัยนาทนเรนทร อลงกฏ  ธานีนิวัต  พระยามานวราชเสวี  อดุลเดชจรัส       ตราไว้  ณ วันที่ 23 มีนาคม พุทธศักราช  2492 
                                3)    เหตุผล ด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองได้วิวัฒนาการมาโดยลำดับ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ให้อนุโลมตามกาลนิยม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราววุฒิสภา


3.   เปรียบเทียบแนวนโยบายแห่งรัฐประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช  2511   พุทธศักราช  2517  และ พุทธศักราช  2521  เหมือนหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย
                ตอบ   เหมือนกัน  เพราะ เป็นรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนชื่อมาใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 

 4.    ประเด็นที่ 1  รัฐธรรมนูญฯ  พุทธศักราช 2475-2490      ประเด็นที่ 2    รัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 25492-2517  ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  อธิบาย
                ตอบ    เหมือนกัน  คือ รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีชื่อว่า  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475  ต่อมาได้เปลี่ยนคำว่าราชอาณาจักรสยามเป็นราชอาณาจักรไทย จนถึงปัจจุบัน และกล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาไม่มากหนัก ได้กำหนดสิทธิและเสรีภาพ    การพูด  การเขียน  การศึกษาอบรม  การประชุมโดยเปิดเผย  การตั้งสมาคม  การอาชีพ

5.    ประเด็นที่ 3  รัฐธรรมนูญฯ  พุทธศักราช 2521-2534      ประเด็นที่ 4    รัฐธรรมนูญฯพุทธศักราช 2540-2550  ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  อธิบาย
                ตอบ  ต่างกันประเด็นที่  3  สรุปได้ดังนี้
1.   บุคคลย่อมมีเสรีภาพและมีสิทธิเสมอกันในการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาอบรม ไม่เป็นปรปักษ์และไม่ขัดต่อกฎหมายการศึกษา
                 2.  เสรีภาพในวิชาการย่อมได้รับการคุ้มครองที่ไม่ขัดต่อหน้าที่พลเมือง
                 3.  รัฐพึงส่งเสริมและบำรุงการศึกษาอบรม ระบบการศึกษาอบรมเป็นหน้าที่ของรัฐและสถานศึกษาทั้งปวงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ
  4.  การศึกษาอบรมชั้นอุดมศึกษา  รัฐกำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการตามกิจการของตนเองได้ภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
  5.  การศึกษาภาคบังคับในสถานศึกษาของรัฐและท้องถิ่น จัดให้โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน
  6.  รัฐพึงช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ได้รับทุนและปัจจัยต่าง ๆ ในการศึกษาอบรมและการฝึกอาชีพ
  7.  รัฐสนับสนุนการวิจัยในศิลปะและวิทยาการต่าง ๆ และส่งเสริมการใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในการพัฒนาประเทศ
  8.  รัฐพึงสนับสนุนและส่งเสริมเยาวชนของชาติ   ให้เป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์  ทั้งทางร่างกาย  จิตใจ และสติปัญญา คุณธรรม  และจริยธรรม  เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และเพื่อความมั่นคงของรัฐ 
ประเด็นที่  4 สรุปได้ดังนี้
1.สิทธิและเสรีภาพในเชิงวิชาการ การเรียนการสอนการวิจัยได้รับการคุ้มครอง
2.รัฐจัดการศึกษาให้กับบุคคลมีสิทธิเสมอกันในการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า  12  ปี  และจะต้องจัดอย่างทั่วถึงอย่างมีคุณภาพ  ไม่เก็บค่าใช้จ่าย และการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพและเอกชนจะต้องได้รับการคุ้มครอง
3 รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน    ส่งเสริมความเสมอภาคทั้งหญิงและชาย พัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว และความเข็มแข็งของชุมชน  สังเคราะห์ผู้ยากไร้   ผู้พิการหรือทุพพลภาพและผู้ด้อยโอกาส
4.รัฐจะต้องจัดการศึกษาอบรมและสนับสนุนให้เอกชน จัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรมและจัดให้มีกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ  
5. รัฐส่งเสริมสนับสนุนการกระจายอำนาจ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชุมชนองค์กรต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนามาตรฐานคุณภาพการศึกษาให้เท่าเทียมกัน
 6.ส่งเสริมและสนับสนุนความรู้รักสามัคคีและการเรียนรู้ ปลูกจิตสำนึก และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม  ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ  ตลอดจนค่านิยมอันดีงามและภูมิปัญญาท้องถิ่น



 6.  เหตุใดรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะต้องระบุในประเด็นที่รัฐจะต้องจัดการศึกษาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง  อธิบาย
                ตอบ  เพราะรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับต้องระบุให้ชัดเจน เพื่อจัดการศึกษาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึงแก่เด็ก เป็นแนวทางในการศึกษาตามลำดับขั้นตอน
            

7.    เหตุใดรัฐจึงต้องกำหนด บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติจงอธิบาย หากไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น
                ตอบ   บุคคลที่มีหน้าที่รับการศึกษาอบรมตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติไว้ เนื่องจากต้องการจัดระบบการศึกษาที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ ตามกฎบัญญัติ  ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามก็จะเกิดปัญหาทางการศึกษาและการศึกษาจะไม่เป็นระบบ

8.  การจัดการศึกษาที่เปิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาหากเราพิจารณารัฐธรรมนูญมีฉบับใดบ้างที่ให้องค์กรส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วม  และถ้าเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมมากขึ้นท่านคิดว่าเป็นอย่างไร จงอธิบาย
                ตอบ  เป็นสิ่งที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมมากเพราะ องค์การท้องถิ่นเป็นองค์กรที่ใกล้เคียงกับบทบาทของการใช้ชีวิตตามความจริง ใกล้ชิดชุมชนและได้เสนอแนะแนวทางร่วมกัน

 9.  เหตุใดการจัดการศึกษา รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมความเสมอภาคทั้งหญิงและชาย  พัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว  และความเข็มแข็งของชุมชน  สังเคราะห์ผู้ยากไร้  ผู้พิการหรือทุพพลภาพและผู้ด้อยโอกาส  จงอธิบาย
                ตอบ  การจัดการศึกษาที่รัฐต้องคุ้มครอง การพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีสิทธิเสรีภาพที่เสมอเท่าเทียมกัน ถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสบสุ๘ สร้างความเป็นปึกแผ่นของสังคมที่ควรปฏิบัติ
 
10.  ผลการจัดการศึกษาที่ผ่านมาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  มีผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างไรบ้าง    จงอธิบาย
                ตอบ    นับตั้งแต่ได้มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยขึ้นและมีการปรับปรุงแก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวข้อง
กับการศึกษา ได้มีวิวัฒนาการเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่เสรีภาพ การศึกษาอบรม ให้กับเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้มีความสมบรูณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ  สติปัญญา  คุณธรรมจริยธรรม โดยมีแนวทางในการจัดการศึกษา รัฐจะต้องจัดการศึกษาและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรมเช่นกัน และจัดการศึกษาภาคบังคับให้เข้ารับการศึกษาอบรมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย สำหรับการศึกษาภาคบังคับ  ต่อมาได้เพิ่มเติมจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี รัฐจะต้องจัดอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ พร้อมทั้งจัดให้มีกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ  หรือเรียกชื่อว่า พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติขึ้น
    




อนุทินที่ 3

แบบฝึกหัดทบทวน  บทที่  3
เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาบทเรียนนี้แล้ว จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1.นักศึกษาอธิบายคำนิยามต่อไปนี้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ. 2542
ตอบ   
     ก. การศึกษา  คือ  กระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต
     ข. การศึกษาขั้นพื้นฐาน  คือ  การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา   
     ค.  การศึกษาตลอดชีวิต  คือ  การศึกษาที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ  การศึกษานอกระบบ   การศึกษาตามอัธยาศัย
     ง. มาตรฐานการศึกษา  คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง  และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับส่งเสริมและกำกับดูแล          การตรวจสอบ  การประเมิน  และการประกันคุณภาพทางการศึกษา   
     จ. การประกันคุณภาพภายใน  คือ  การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายใน  โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง  หรือหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น
      ช. การประกันคุณภาพภายนอก  คือ  การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายนอก  โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรองรับ  เพื่อเป็นการประกันคุณภาพ  และให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษา
      ซ. ผู้สอน   คือ   ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ 
      ฌ. ครู   หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ  ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน   ครู  มีองค์ประกอบ 2 อย่าง  
                1.  ทำหน้าที่หลักด้านการเรียนการสอน
               2.  ทำหน้าที่นั้นในสถานศึกษา        
      ญ. คณาจารย์  หมายความว่า  บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในคือสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
       ฐ. ผู้บริหารสถานศึกษา   หมายความว่า  บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
       ฒ. ผู้บริหารการศึกษา    หมายความว่า  บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
       ณ. บุคลากรทางการศึกษา   หมายความว่า  ผู้บริหารสถานศึกษา  ผู้บริหารสถานศึกษา  รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ท าหน้าที่ให้บริการ  หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน  การนิเทศและการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ

2.    ความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษานี้อย่างไรบ้าง
ให้อธิบาย
                ตอบ    
 2.1ความมุ่งหมายของการจัดการศึกษา (มาตรา 6)
การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย  จิตใจ สติปัญญา  ความรู้ และคุณธรรม  มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
               2.2   กระบวนการเรียนรู้ (มาตรา 7)
                กระบวนการเรียนรู้ ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย
            2.3  หลักการจัดการศึกษา  มี  3  ประการคือ
             (1)  เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
             (2)  ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
             (3)  การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

3.  หลักการจัดการศึกษาประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย
                ตอบ   หลักการจัดการศึกษา  มี  3  ประการคือ (มาตรา 8)
     (1)  เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
     (2)  ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
     (3)  การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

   4.  การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ตามที่กฎหมายกำหนดมีอะไรบ้าง
                ตอบ    การจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้ (มาตรา 9)
                (1)   มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
              (2)   มีการกระจายอำนาจ ไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา  สถานศึกษาและองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น
              (3)  มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา  และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
              (4)  มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู  คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา  และการพัฒนาครู  คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
               (5)  ระดมทรัพยากร  จากแหล่งต่าง ๆ  มาใช้ในการจัดการศึกษา
                (6)  การมีส่วนร่วม  ของบุคคล  ครอบครัว  ชุมชน  องค์กรชุมชน  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ  สถาบันศาสนา  สถานประกอบการ  และสถาบันสังคมอื่น  

5.  สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา ที่กำหนดไว้ในกฎหมายมีอะไรบ้าง
                ตอบ    สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
1.  การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี อย่างทั่วถึง (Education for all)  มีคุณภาพ (Educational Quaality) และไม่เก็บค่าใช้จ่าย                   (Free Education)
               2.  บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย  จิตใจ  สติปัญญา  อารมณ์สังคม  ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีความสามารถพิเศษ  มีสิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
                 3.  พ่อแม่  ผู้ปกครอง  บุคคล  ครอบครัว  องค์กรชุมชน  องค์กรเอกชน  สถานประกอบการ  สถาบันศาสนาและสถาบันอื่น ๆ  มีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่บุตรหลานของตนหรือบุคคลทั่วไป  ผู้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานดังกล่าวมีสิทธิได้รับการสนับสนุนและเงินอุดหนุนจากรัฐ  รวมทั้งได้รับการลดหย่อนภาษีหรือยกเว้นภาษี  ตามที่กฎหมายกำหนดหมวด 3 
6.  ระบบการศึกษามีกี่รูปแบบแต่ละรูปแบบมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
                ตอบ   ระบบการศึกษา  (มาตรา 15-21) มีดังนี้
1.   การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษา
ตามอัธยาศัย สถานศึกษาแต่ละแห่งสามารถจัดการศึกษาได้  3 รูปแบบหรือรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบนี้สามารถเทียบโอนกันได้
                               2.  การจัดการศึกษาแบ่งเป็น 2 ระดับคือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน  การศึกษาระดับอุดมศึกษา
สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน  จะเรียกชื่อเป็นประถมศึกษา  มัธยมศึกษาตอนต้น  มัธยมศึกษาตอนปลาย หรืออย่างอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง  การศึกษาระดับอุดมศึกษา มี 2 ระดับคือ ระดับปริญญาและต่ำกว่าปริญญา 
                               3.  การศึกษาภาคบังคับมีกำหนด 9 ปี เด็กอายุ 6 ขวบต้องเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
จนถึงอายุ 15 ขวบ  เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์การนับอายุให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
               4.  การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัดในสถานศึกษา  3 ประเภทคือ
 (1)  สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย 
 (2)  โรงเรียน
 (3)  ศูนย์การเรียน
                 5.  การอาชีวศึกษาให้จัดในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนรวมทั้งสถานประกอบการและองค์กรหรือหน่วยงานอื่น ตามกฎหมายว่าด้วยอาชีวศึกษา
               6.  กระทรวง ทบวง  กรม  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานของรัฐ 
7.  การจัดการศึกษาในระบบมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
                ตอบ
       1.   ยึดหลักว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ให้ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด และต้องให้แต่ละคนสามารถพัฒนาตามความถนัด ความสนใจและเต็มศักยภาพของเขา
       2.   เนื้อหาสาระของการศึกษาทุกระบบทุกรูปแบบ  ต้องเน้นความรู้คู่คุณธรรมและ กระบวนการเรียนรู้  โดยบูรณาการ (ผสมผสาน) ตามความเหมาะสมของระดับการศึกษา
        3.   เนื้อหาสาระของวิชาความรู้ที่ต้องไปกำหนดหลักสูตรและจัดการเรียนรู้  ประกอบด้วย เรื่องต่าง ๆ ต่อไปนี้
 
8.  สถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคลเป็นอย่างไร
                ตอบ  สถานศึกษาเอกชน  ตามมาตรา  18(2)  เป็นนิติบุคคลและมีคณะกรรมการบริหารประกอบด้วย  ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน  ผู้รับใบอนุญาต  ผู้แทนผู้ปกครอง  ผู้แทนองค์กรชุมชน  ผู้แทนครู  ผู้แทนศิษย์เก่า  และผู้ทรงคุณวุฒิ   จำนวนกรรมการ คุณสมบัติ  หลักเกณฑ์  วิธีการสรรหา  การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ  วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามในกฎกระทรวง
9.  แนวทางการจัดการศึกษามีหลักยึดอะไรบ้าง
ตอบ   
     9.1 ต้องจัดให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนการศึกษาแห่งชาติและมาตรฐานการศึกษาของชาติ
     9.2 ต้องจัดให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่จัดการศึกษาเฉพาะทางด้วยกัน
                     9.3 ต้องจัดให้มีการประกันคุณภาพภายใน  เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก

10. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่กำหนดให้ครู  ผู้บริหารสถานศึกษา  ผู้บริหารการศึกษา  ทั้งรัฐและเอกชนจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ
                ตอบ  ให้ครู  ผู้บริหารสถานศึกษา  ผู้หารการศึกษา  และบุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งของรัฐ
และเอกชนต้องมีใบประกอบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายกำหนด  ไม่บังคับบุคลากรทางการศึกษาที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย  สถานศึกษาตามมาตรา 8    ผู้บริหารระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษาและวิทยากรพิเศษทางการศึกษา



11. มีวิธีการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาการศึกษาในท้องถิ่นของท่านได้อย่างบ้าง
                ตอบ   1.  จัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง  วิทยุโทรทัศน์  วิทยุโทรคมนาคม  และการสื่อสารในรูปอื่น  เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ  การศึกษาตามอัธยาศัยการทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมตามความจำเป็น (มาตรา 63)
2.  ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิต  และพัฒนาแบบเรียน  ตำรา  หนังสือทางวิชาการ  สื่อสิ่งพิมพ์อื่น  วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีอื่น   โดยเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต  จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิตและมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต  และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา

12. การพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มีวิธีการพัฒนาได้อย่างไร
                ตอบ.   1. ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิต  และผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา  เพื่อให้มี
ความรู้  ความสามารถ  และทักษะในการผลิต  รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม  มีคุณภาพและ
ประสิทธิภาพ (มาตรา  65)
  2.  ให้ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในโอกาสแรกที่ทำได้  เพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอ  ที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (มาตรา 66)
  3. ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา  การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา  รวมทั้งการติดตาม  ตรวจสอบ  และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา  เพื่อให้เกิดการใช้ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกระบวนการเรียนรู้ของคนไทย (มาตรา 67)
  4. ให้มีการระดมทุน  เพื่อจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจากเงินอุดหนุนของรัฐ  ค่าสัมปทาน  และผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชน  เทคโนโลยีสารสนเทศ  และโทรคมนาคมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน  และองค์กรประชาชนรวมทั้งให้มีการลดอัตราค่าบริการเป็นพิเศษในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว  เพื่อพัฒนาคนและสังคม










แนะนำตนเอง

แนะนำตนเอง

 1.ชื่อ นางสาวหัสนีย์ยา นามสกุล สนาน้อย

2.ประวัติการศึกษา

          จบชั้นประถมศึกษา ป.1-6 ร.ร.ชุมชนลานสกา จบชั้นมัธยมศึกษา ม.1-6 ร.ร.เบญจมราชูทิศ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช คณะครุศาสตร์ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ห้อง 3

 3.ประวัติครอบครัวย่อ ๆ
 
          มีพี่น้องร่วมกัน 3 คน เป็นบุตรคนที่ 1 บิดาประกอบอาชีพ ธุรกิจส่วนตัว มารดาประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว 

 4.ปรัชญาในการดำรงชีวิต

         ความอดทน นำมาซึ่งความผาสุก

 5.เพิ่มภาพถ่ายหล่อ ๆ สวย ๆ

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แนะนำตนเอง

1.ชื่อ นางสาวหัสนีย์ยา   นามสกุล  สนาน้อย


2.ประวัติการศึกษา
        
        จบชั้นประถมศึกษา ป.1-6  ร.ร.ชุมชนลานสกา
        จบชั้นมัธยมศึกษา  ม.1-6 ร.ร.เบญจมราชูทิศ
         ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช  คณะครุศาสตร์        หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย  ห้อง 3


3.ประวัติครอบครัวย่อ ๆ
        
         มีพี่น้องร่วมกัน  3  คน  เป็นบุตรคนที่ 1
         บิดาประกอบอาชีพ ธุรกิจส่วนตัว
         มารดาประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว


4.ปรัชญาในการดำรงชีวิต
        
            ความอดทน  นำมาซึ่งความผาสุก


5.เพิ่มภาพถ่ายหล่อ ๆ สวย ๆ